ตะลุยญี่ปุ่น 2023 : ทาคายาม่าและชิราคาวาโกะ มนต์เสน่ห์แห่งเมืองโบราณ
- 26 June 2023
- kung
ตะลุยญี่ปุ่น 2023 ตอน 3 : ทาคายาม่าและชิราคาวาโกะ มนต์เสน่ห์แห่งเมืองโบราณ
"พอฟ้าเริ่มสาง
ตาวันก็โผล่จากพสุธา
ในเมืองมีไอหมอกจาง ๆ
ลอยตัดจากสวรรค์สู่ฟ้า
ในนครแห่งใบไม้เปลี่ยนสี
มีดอกไม้เบ่งบาน
วันคืนช่างแสนยาวนาน
นับเป็นอสงไขยแห่งเวลา"
บันทึกการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น 2023 ตอนที่ 3 ของผมครับ ตอนนี้จะพาไปเที่ยวเมืองโบราณที่สวยงาม เหมือนกับย้อนกาลเวลาไปสู่ญี่ปุ่นยุคโบราณ ทาคายาม่าและชิราคาวาโกะ
เมืองทาคายาม่า (Takayama) ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ (Gifu) บริเวณตอนกลางของหมู่เกาะญี่ปุ่น เป็นดินแดนในอ้อมกอดแห่งขุนเขาในตอนเหนือของจังหวัดกิฟุ เป็นเมืองที่ยังคงบรรยากาศและสภาพบ้านเรือนของญี่ปุ่นในสมัยโบราณไว้ให้ได้เห็นอยู่ และได้รับการจัดให้อยู่ในระดับสามดาวเคียงคู่กันกับเกียวโต (Kyoto) และนารา (Nara)
ทาคายาม่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่มีบ้านเรือนแบบญี่ปุ่นสมัยโบราณหลงเหลืออยู่ ในอดีตก่อนที่ญี่ปุ่นจะรวมเป็นหนึ่งได้แบ่งออกเป็นประเทศต่างๆ มากมาย และพื้นที่ในแถบนี้ก็ถูกเรียกว่าประเทศฮิดะ (Hida) ทำให้ยังมีการใช้ชื่อ "ฮิดะ" หลงเหลืออยู่บ้าง เช่น การเรียกชื่อเมืองว่า ฮิดะทาคายาม่า หรือเนื้อย่างที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ ก็ถูกเรียกว่าเนื้อฮิดะ
ในอดีตนั้นเมืองทาคายาม่าเป็นเมืองที่มีการค้าที่เจริญรุ่งเรือง มีบ้านเรือนที่สวยงาม พอมาถึงยุคนี้ภูมิทัศน์เมืองเก่าของทาคายามะยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีโดยส่วนใหญ่เป็นบ้านที่สร้างมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ซึ่งได้ปรับเป็นร้านค้า,คาเฟ่,โรงเบียร์สาเก และมีกิจกรรมพาทัวร์ชมบ้านของพ่อค้าในประวัติศาสตร์อีกด้วย
นอกจากนั้นการเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวมรกดโลกยอดฮิตอย่าง หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ก็สามารถเดินทางไปจากทาคายาม่า ได้สะดวกมาก ๆ ใช้เวลานั่งรถบัสเพียงแค่ 50 นาทีเท่านั้น
22 Apr 2023
วันนี้จะเดินทางไปหมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ แต่ก่อนอื่นมารีวิวที่พักกันหน่อยดีกว่า ที่ทาคายาม่าเราพักที่ Guest House Ouka 2 คืน ประมาณคืนละ 2,600 THB ราคาไม่แพงเลยครับ แต่จะขอบอกว่าดีงามมาก ๆ ทั้ง Location ที่ใกล้สถานี JR แค่ 800 เมตร สภาพที่พักและห้องพักดีเยี่ยม สะอาด สะดวก บริการทุกอย่างดี มีร้าน 7-11 อยู่ใกล้ๆ ติดกันเลย เดินไปเมืองโบราณก็ง่าย เดินไปสถานีรสบัสไปยังชิราคาวาโกะก็ใกล้เพียง 10 นาที ถ้าใครมาเที่ยวทาคายาม่า แนะนำที่นี่เลยนะครับ
ที่พักมีห้องรับแขก ห้องครัว สามารถประกอบอาหารได้ หรือซื้ออาหารมานั่งกินได้ มีชากาแฟบริการฟรี มีบริการรับฝากกระเป๋า
จัดการเรื่องปากท้องเสร็จ ด้วยอาหารง่าย ๆ ที่ห้องครัวของโรงแรม ก็เดินไปสถานีรสบัสกันครับ สำหรับสถานีรถบัสที่จะไปชิราคาวาโกะนั้น อยู่ติดกับสถานีรถไฟ JR เลยครับ เดินจากโรงแรมไปเพียง 700 เมตรเท่านั้น
ออกเดินจากโรงแรมผ่านเมืองใหม่ทาคายาม่าอันสงบเงียบ เมืองเงียบสงบ ไม่วุ่นวายเลยจริง ๆ ครับ ทาคายาม่าเป็นเมืองเล็ก ๆ สงบเงียบ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งญี่ปุ่นสมัยโบราณ เป็นเมืองที่เที่ยวง่าย เดินเที่ยวแบบสนุก ๆ ใช้เวลา 1 วันก็จบครับ แต่ถ้าใครอยากสัมผัสกลิ่นอายแห่งวิถีชีวิตจริง ๆ แนะนำให้ฝังตัวอยู่นานกว่านั้น
ถ้าดูจากแผนผังเมือง จะเห็นว่าสามารถเดินจากด้านนอกคือย่านสถานี JR ไปสู่ด้านในคือเมืองโบราณได้ใกล้ๆ ง่ายๆ เลยครับ ซึ่งโรงแรมที่พักของเรา ก็อยู่ถนนด้านนอก เป็นเมืองใหม่
ถึงสถานีรถบัส ก็จัดการซื้อตั๋วครับ เป็นตั๋วไปกลับจากเมืองทาคายาม่า สู่หมู่บ้านชิราคาวาโกะ
วันนี้คนมารอคิวขึ้นบัสกันพอสมควรทีเดียว แต่วันที่เราไปเป็นวันเสาร์ครับ จริง ๆ แล้วการซื้อตั๋วรถบัสไป ชิราคาวาโกะ จะทำได้ 2 แบบ คือซื้อแบบออนไลน์จองล่วงหน้ามาเลย ก็จะเป็นรอบรถสำหรับคนที่จองล่วงหน้าอย่างเดียว ส่วนสำหรับคนที่ walk in เข้ามาซื้อ ก็จะเป็นรอบรถแยกต่างหากไป สำหรับผมนั้น walk in เข้ามาซื้อ โดยมาก่อนเวลารถออกแค่ 30 นาที ก็ยังมีตั๋วครับ
ระยะทางประมาณ 50 km ใช้เวลา 50 นาที
รถวิ่งผ่านที่ราบหุบเขากว้างใหญ่ ดูวิวกันเพลินไปเลย นั่นใช่ Japan Alps ที่เราเพิ่งลงมาไหมหนอ
สำหรับชิราคาวาโกะ เป็นเมืองมรดกโลกยอดนิยม ที่ใคร ๆ ไปญี่ปุ่นก็ต้องมาเยือน แต่เดิมเป็นหมู่บ้านชาวนาที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาในเขตจังหวัดกิฟุ (Gifu) ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู (Honshu) เป็นหมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความงดงามทางธรรมชาติ และเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยเทือกเขา และมีแม่น้ำไหลผ่าน นับได้ว่าเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 250 ปี จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกที่ญี่ปุ่น โดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1995 อีกด้วย
จุดเด่นของชิราคาวาโกะ คือการได้ดื่มด่ำกับความงดงามที่แม้ดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยรากเหง้าวัฒนธรรมของความเป็นญี่ปุ่น สะท้อนผ่านรูปทรงของบ้านแต่ละหลังที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียกกันว่า “กัสโชสึคุริ (Gassho-zukuri)” บ้านที่มีหลังคาทรงแหลมสูงชัน ลาดลงด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ทำมุม 60 องศา เป็นการสร้างบ้านโดยไม่ใช้ตะปู ซึ่งคำว่า กัสโช แปลว่า พนมมือ คล้ายกับรูปทรงของหลังคาบ้านนั่นเอง เป็นภูมิปัญญาการสร้างบ้านของคนสมัยก่อนเพื่อให้หิมะและน้ำฝนที่ตกลงมาไหลลงสู่พื้นด้านล่าง ส่วนด้านหน้าจะเจาะเป็นช่องหน้าต่างเพื่อให้แสงสว่างจากภายนอกส่องเข้ามาได้ และช่วยระบายอากาศได้ดี การได้เดินชมอาคารบ้านเรือนต่างๆ ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคกลับไปสู่ญี่ปุ่นสมัยก่อนยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
ปัจจุบันหมู่บ้านชิราคาวาโกะก็ยังมีผู้คนอาศัยอยู่ และก็มีบ้านบางส่วนที่เปิดให้เข้าชม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นภายในตัวบ้านและความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อน รวมถึงยังมีร้านค้า ร้านอาหาร โฮมสเตย์ ออนเซ็น และศาลเจ้าเก่าแก่ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.mushroomtravel.com/page/shirakawago/
โดยการเที่ยวหมู่บ้านนั้น สามารถเที่ยวได้ทั้ง 4 ฤดู โดยแแต่ละฤดูก็มีมนต์เสน่ห์แตกต่างกันไป
1. ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม-พฤษภาคม
2. ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน-สิงหาคม
3. ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน-พฤศจิกายน
4. ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์
สำหรับฤดูหนาวนั้น เรียกว่าเป็นช่วงไฮไลท์ของการเที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะเลยก็ว่าได้ ทั้งหมู่บ้านและภูเขาโดยรอบจะปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน อุณหภูมิประมาณ -10 ถึง 0 องศา และจะมี เทศกาลแสดงไฟหมู่บ้านชิราคาวาโกะ หรือ Shirakawago Light Up ที่บ้านแต่ละหลังจะเปิดไฟยามค่ำคืน สร้างบรรยากาศที่สวยงาม โดยจะเปิดไฟเฉพาะคืนวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่กลางเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ติดต่อกัน 6 สัปดาห์
ไม่ถึงชั่วโมง เราเดินทางมาถึงหมู่บ้าน เริ่มตลุยเดินเที่ยวกันเลยครับ หมู่บ้านเล็ก ๆ แต่สวยงาม เดินเที่ยวได้สบาย ๆ
จุดที่น่าสนใจ เป็น Hi-light ของหมู่บ้าน สำหรับเป็น Guide line สำหรับเดินเที่ยวก็มีดังนี้ครับ
1. บ้านโบราณสามหลัง (Shirakawago Three Houses)
2. วัดเมียวเซนจิ (Myozen-ji Temple)
3. จุดชมวิวเท็นชุคาคุ (Tenshukaku Observatory)
4. ศาลเจ้าชิรากาวะ ฮาจิมัง (Shirakawa Hachiman Shrine)
แต่สำหรับผมในหมู่บ้านเต็มไปด้วยจุดสวยงาม น่าถ่ายรูปเยอะแยะเต็มไปหมดเลยครับ
มาดูแผนผังหมู่บ้านกันครับ จุดลงรถบัสจะเป็นด้านซ้ายสุดของแผนผัง เราก็เดินเล่นเข้าไปในหมู่บ้านเรื่อย ๆ ไปจนสุดด้านขวาบริเวณศาลเจ้า จะเห็นว่าทำเลหมู่บ้านอยู่ท่ามกลางขุนเขาและลำธารโอบล้อม เป็นสุขสงบงามมากครับ สำหรับชีวิตความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านตั้งแต่สมัยโบราณ
เดินไปเรื่อย แวะชมจุดน่าสนใจ บ้านแบบต่าง ๆ ต้นซากุระ ร้านขายของที่ระลึก ข้าวของเครื่องใช้ที่แสดงถึงวิถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน (บ้านบางหลังมีคนพักอาศัยอยู่จริง ๆ real มาก ๆ) วิวแห่งเทือกเขา คุ้มค่ากับการมาเที่ยวจริง ๆ จนไปเจอบ้านโบราณ 3 หลัง (Shirakawago Three Houses)
แล้วก็ได้เวลาของความอร่อย ลองชิมเนื้อฮิดะ เมนูยอดฮิต กับเบียร์เย็น ๆ กันครับ ผมเองไม่กินเนื้อ เลยให้แฟนลองชิม เธอก็บอกว่าเด็ด อร่อยในระดับเกรด A ผมได้แต่ลองกินไส้กรอกหมู ก็อร่อยครับ แต่ที่สุดยอดคือเบียร์ที่ร้านนี้ อร่อยสุด ๆ จริงครับ สำหรับเบียร์เอาคะแนนไปเต็ม 10 เลย
เดินชมไปเรื่อย ๆ มีทั้งบ้านโบราณดั้งเดิม และบ้านแบบสมัยใหม่ที่ปลูกแทรกอยู่ คิดว่าเค้าคงมีโซนที่จะให้บ้านแบบสมัยใหม่ปลูกได้นะครับ จะได้ไม่ปะปนกับบ้านโบราณ ซึ่งจะทำให้มนต์เสน่ห์ของหมู่บ้านมรกดกโลกนี้ ลดทอนลงไป
จากนั้นเดินไปจุดชมวิวเท็นชุคาคุ (Tenshukaku Observatory) ซึ่งอยู่บนเนินเขาใกล้หมู่บ้าน ที่เราเห็นภาพถ่ายมุมกว้างของหมู่บ้านสวยๆ ซึ่งมาจากจุดชมวิวนี้ทั้งนั้น การไปที่จุดนี้จะมีบริการรถรับ-ส่ง หรือจะเดินเรื่อยๆ จากหมู่บ้านขึ้นไปก็ได้ สำหรับผมเดินขึ้นครับ ไม่ไกลเลย ได้ค่อย ๆ ชมวิวสวย ๆ ไปเรื่อย ๆ
เดินไปถึง ศาลเจ้าชิราคาวะ ฮะจิมัน (Shirakawa Hachiman Shrine) เป็นศาลเจ้าชินโต และเป็นศาลเจ้าเก่าแก่แห่งเดียวในหมู่บ้านอีกด้วย ความพิเศษของศาลเจ้านี้ก็คือ มีหอผลิตสาเกโดบุโรคุ (Doburoku) ซึ่งเป็นสาเกที่หมักจากข้าวในหมู่บ้านแห่งนี้นั่นเองและทุกๆ ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม จะมีงานเทศกาลสาเกอีกด้วย
นั่งรถกลับทาคายาม่า ได้เที่ยวเกือบสุดท้าย 17.00 ถึงทาคายาม่าเย็น ๆ อาทิตย์ยังไม่ตก เดินเล่นช้อปปิ้งในเมือง ย่านแถวสถานี JR ยังพอมีร้านขายของที่ระลึกเปิดอยู่บ้าง
จนมาเจอร้านอาหารร้านนี้ครับ ได้ tripadvisor ตัดสินใจฝากท้องไว้ที่นี่ และก็ไม่ผิดหวัง อาหารอร่อย ลุงกับป้าบริการดี ทำกันอยู่สองคน ป้ารับออเดอร์ ดูแลทั่วไป บริการลูกค้า ส่วนลุงรับหน้าที่เป็นเชฟใหญ่ บรรยากาศเป็นกันเอง มีอยู่แค่ 4-5 โต๊ะ ลุงกับป้าแกติดภาพลูกค้าไว้จนเต็มผนังร้าน เป็น wallpaper ไปเลย กินเสร็จแกถ่ายรูปเราเก็บไว้ด้วย เรากินอาหารไปดูลุงแกทำครัวไป เพราะครัวอยู่หน้าโต๊ะอาหารเลย สังเกตุว่าคนญี่ปุ่นเขาพิถีพิถันทุกขั้นตอนจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนเตรียมอาหาร ทำอาหาร จัดเก็บของในครัว ดูเนิบนาบละเอียดลออไปหมดทุกอย่าง ไม่มีตะล้งโช้งเช้งเลย ลุงกับป้าจัดจัดเก็บของทุกอย่างเป็นระเบียบ เช็ดเครื่องครัวจนสะอาดมันเลี่ยม แยกผักแยกเนื้อใส่ถุงอย่างเป็นระบบ ทุกอย่างสะอาดและถูกจัดเก็บในที่ทางของมัน ดูแล้วเพลินตามาก ๆ ครับ และเข้าใจว่านี่คือพฤษติกรรมซึ่งฝังเป็นวัฒนธรรมรากลึกของคนญี่ปุ่นจริง ๆ ในเรื่องความเป็นระเบียบและความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดของชีวิต
กินเสร็จเดินย่อยอาหารสักพัก แวะซื้อขนมเซเว่นไปนั่งกินเล่นที่ครัวโรงแรม เพราะด้านนอกหนาวเหลือเกิน อากาศที่ทาคายาม่าหนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจเลยครับ ประมาณ 2-4 องศาฯ หนาวสะใจไปเลย ตอนผมอยู่ที่นิกโกะซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติในป่ายังไม่หนาวขนาดนี้ เขาว่ากันว่าช่วงที่ผมอยู่ทาคายาม่าต่อไปเกียวโต (22-25 Apr) เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นทั้งประเทศอุณหภูมิลดลงฮวบฮาบ เพราะคลื่นความหนาวอะไรสักอย่าง ท่าจะจริง เพราะตอนไปเที่ยวแจแปนแอลป์ เจอแก๊งค์คุณป้ากลุ่มหนึ่งบนรถไฟหวานเย็นวิ่งเข้าอุทยาน คุณป้ามาจากทาคายาม่า แกบอกไว้ว่าทาคายาม่าไม่ค่อยหนาวมากนะหนุ่ม กำลังเย็นสบาย ที่ไหนได้พอมาจริง ๆ หนาวยะเยือกเลยครับ ถ้าไม่รู้ข่าวคลื่นความหนาว คงเข้าใจว่าคุณป้านี่อะไร หนาวจะตายกลับบอกไม่หนาว
วันนี้เที่ยวมาทั้งวันกลับที่พัก แช่น้ำอุ่นนอนหลับสบาย
cr.https://pantip.com/topic/42083267