แผนเที่ยว จุดกางเต็นท์ เขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน ส่องสัตว์ เที่ยวหน้าหนาวใกล้กรุงเทพ
- 24 June 2023
- kung
แผนเที่ยว จุดกางเต็นท์ เขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน ส่องสัตว์ เที่ยวหน้าหนาวใกล้กรุงเทพ
นานๆ ทีคนกรุงอย่างเราจะได้มีโอกาสพักผ่อนสบายๆ ในวันหยุดค่ะ ยิ่งเข้าหน้าหนาวแล้วด้วย เที่ยวหน้าหนาว ใกล้กรุงเทพ คงไม่ต้องสืบเลยว่า ไปที่ไหนดี เพราะฉะนั้นตามเรามาสูดอากาศเที่ยวธรรมชาติ รับลมหนาว กางเต็นท์ เขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน ชิลๆ กันค่ะ ยิ่งตอนหน้าหนาวแบบนี้ อากาศเย็นตลอดทั้งวัน ฟินสุดๆ
แจกแผนเที่ยว
กางเต็นท์ เขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน
จากกรุงเทพฯ ไม่นานเพียง 3 ชั่วโมง เราก็มาถึง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กันแล้ว ค่าเข้าต่อคนนั้นเพียง 40 บาทเท่านั้น สำหรับคนไทย และการนำรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปบนอุทยานฯ นั้นเพิ่มอีก 50 บาทค่ะ
Day 1
เป้าหมายของเราในวันนี้คือการมาใกล้ชิดธรรมชาติ นอนชิลดูดาว รับลมที่ ลานกางเต็นท์ลำตะคอง บนเขาใหญ่ และมาเที่ยวน้ำตก ส่องสัตว์ ตามหาช้าง ที่อุทยานฯ นั่นเอง ว่าแล้วจุดแรกที่เราแวะก่อนก็คือ ลานกางเต็นท์ลำตะคอง
ลานกางเต็นท์ลำตะคอง
ที่ลานกางเต็นท์ลำตะคองนี้มีจุดดีๆ ที่เหมาะกับการกางเต็นท์อยู่ค่ะ เราเลือกทำเลริมน้ำ และไปหอบถุงนอน เต็นท์ และเครื่องนอนมาจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ลานกางเต็นท์เรียบร้อย และมาก่อร่างสร้างเต็นท์กัน สำหรับใครที่ไม่ได้มีอุปกรณ์มาเอง สามารถเช่าเต็นท์ และเครื่องนอนที่อุทยานฯ ได้ค่ะ
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่
กางเต็นท์เสร็จเรียบร้อย ได้เวลาออกไป ตะลอนเขาใหญ่กันค่ะ เริ่มจากมาที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ (Khao Yai Visitor Center) ที่นี่จะมีนิทรรศการต่างๆ ที่ให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว รวมไปถึงข้อมูลต่างๆ ทั้งสอบถามข้อมูลทั่วไป หรือติดต่อเรื่องที่พัก เรื่องส่องสัตว์กลางคืน ได้หมดค่ะ และยังมีร้านกาแฟเล็กๆ อยู่ด้านหลังให้ได้นั่งชิลในบรรยากาศดีๆ อีกด้วย
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกองแก้ว
หลังจากเดินชมนิทรรศการอยู่พักนึง ที่ด้านหลังของศูนย์ฯ จะมี เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกองแก้ว มีระยะทาง 1.2 กิโลเมตรค่ะ เป็นทางเดินง่ายๆ ให้เราได้ไปเดินชิลล์กันในป่า มีสะพานข้ามลำธาร มีต้นไม้ใหญ่ ให้เราได้เดินถ่ายรูปกันตลอดทางค่ะ
อ่างเก็บน้ำสายศร
หลังจากเดิน Trail ออกมาแล้ว เราก็ไปนั่งจิบกาแฟพออุ่นๆ อากาศบนนี้ดีมากๆ และไม่ร้อนเท่าด้านล่างเลย อุณหภูมิของวันนี้ประมาณ 20 กว่าองศาเท่านั้นเองค่ะ โปรแกรมต่อไปของเราก็คือ การไปชมอาทิตย์ตกดินที่ อ่างเก็บน้ำสายศร และไปส่องสัตว์ตอนกลางคืน ขอให้โชคดีได้เจอช้างป่ากับเขาบ้าง
ขับรถต่อมาถึง อ่างเก็บน้ำสายศร ค่ะ ซึ่งอยู่ห่างไม่มากจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเลย เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ไฮไลท์ที่นอกเหนือจากพระอาทิตย์ตก เรามักจะเห็นบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ เช่น เก้ง กวาง ลิง และนก มาดื่มน้ำบริเวณนี้อีกด้วยค่ะ สำหรับคนรักสัตว์น่าจะชอบมากทีเดียว เพราะตรงจุดนี้เราจะได้ใกล้ชิดกับสัตว์ป่ามากๆ นั่นเอง
ส่องสัตว์ ที่ เขาใหญ่
เจอช้างป่า
หลังอาทิตย์ตกดิน เวลาประมาณ 1 ทุ่ม เราก็มารอรถจากอุทยานฯ ที่จะมาพาเราไป ส่องสัตว์ ตอนกลางคืนกันค่ะ จะมีบริการ 2 รอบคือ รอบ 1 ทุ่ม และ 2 ทุ่ม คันนึงนั่งได้ 10 คนไม่เกินค่ะ และบริการแบบเหมาเป็นรอบ คันละ 500 บาท ถ้าเรามากัน 10 คนพอดีเป๊ะ เฉลี่ยต่อคนก็แค่คนละ 50 บาทเท่านั้นเอง แต่ถ้าใครอยากไปชิลแบบส่วนตัวก็เหมาทั้งคันเลยก็ได้ค่ะ
ระหว่างรถวิ่งออกไปท่ามกลางความมืดของป่าในช่วงเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่ก็จะส่องไฟเป็นระยะ บางจังหวะก็โชคดีได้เจอกวาง เจอเม่นค่ะ และไฮไลท์สุดๆ ก็คือ ช้างป่า เป็นโชคดีมากทีเดียวที่ได้เห็นช้างป่าออกมากินโป่งในคืนนี้ค่ะ แต่การไปส่องสัตว์เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายเราควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และไม่ส่งเสียงดัง รวมถึงไม่ลงจากรถด้านนะคะ
ส่องสัตว์ของเราวันนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ตอนนี้ก็ได้เวลาพักผ่อนกลับเขาเต็นท์กันแล้วค่ะ เสน่ห์ของการมากางเต็นท์ที่นี่คือการได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และสัตว์ป่าแบบสุดๆ รวมถึงได้มาผ่อนคลายความเครียด จัดปาร์ตี้เล็กๆ ปิ้งๆ ย่างๆ ของตัวเองได้ด้วย
Day 2
ผาเดียวดาย
เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นตอนตี 5 ครึ่ง ได้เวลาของเช้าวันใหม่ค่ะ วันนี้เราตั้งใจจะขึ้นไปชมทะเลหมอกกันที่ ผาเดียวดาย ซึ่งห่างจากลานกางเต็นท์แค่ 12 กม.เท่านั้นเองค่ะ ว่าแล้วก็ล้างหน้าพอสดชื่น แล้วออกเดินทางกันเลย ด้วยความที่เวลาประมาณนี้ถนนยังมืดอยู่มาก และมักจะยังมีวัตว์ป่าออกมาเดินเล่นกันอยู่ค่ะ ต้องระมัดระวังด้วย โชคดีที่เราเจอช้างป่าระหว่างทางแค่แว่บเดียวตอนกำลังเดินกลับเข้าป่า เลยไม่ต้องหยุดรถค่ะ
เมื่อมาถึงจุดชมวิวผาเดียวดายจะมีลานจอดรถอยู่ฝั่งขวามือ จอดรถแล้วเดินข้ามฝั่งมาจะพบกับทางเข้าไปยังเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาเดียวดาย ที่ตอนนี้มีการทำทางเดินอย่างดีให้เดินเข้าไปง่ายกว่าเดิมมาก ดินเล่นชิลไปสักพัก เหม่อมองนกมองไม้สัก 15 นาที ก็มาถึงจุดชมวิว ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ต้อนรับเช้าวันใหม่
เส้นทางเดิน Trail ผากล้วยไม้-เหวสุวัต
กลับมาที่ลานกางเต็นท์ เก็บของเรียบร้อย พร้อมออกเดินทางต่อ ก่อนลงจากอุทยานฯ ในวันนี้ ต้องขอไปเดิน Trail ผากล้วยไม้-เหวสุวัต กันหน่อยค่ะ
ใครๆ ก็พูดว่า ถ้าได้เดินตามเส้นทางนี้ จะได้พบกับ จระเข้เขาใหญ่ อีกด้วย ว่าแล้วก็มุ่งมั่นเข้าป่ากัน โดยจอดรถไว้ที่ลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้ค่ะ
ระยะทางจากลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัตจะอยู่ที่ 3.8 กม. เป็นเส้นทางที่เดินไม่ยาก แต่อาจจะต้องสวมรองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าที่เดินเข้าไม่เมื่อยสักหน่อยค่ะ เราใช้เวลาเดินไป ถ่ายรูปไป นั่งชิลๆ บ้าง อยู่ที่ 2 ชม.ค่ะ และระหว่างทางนั้น เราก็ได้เจอกับ จระเข้เขาใหญ่ ตัวจริงอีกด้วย แน่นอนว่า ถ้าเราไม่ส่งเสียงดัง หรือทำอันตรายใดๆ จระเข้ก็จะไม่ทำอะไรเราค่ะ เขาแค่ขึ้นมานอนอาบแดดเท่านั้นเอง
จระเข้เขาใหญ่
น้ำตกเหวสุวัต
เราเดินมาถึง น้ำตกเหวสุวัต ก็เที่ยงพอดิบพอดี แวะทางข้าวกลางวันกันสักหน่อย และไปชมน้ำตกกันต่อเลยค่ะ น้ำตกเหวสุวัตมีลักษณะเป็นสายน้ำตกลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตร มีจุดให้ชมวิวได้ทั้งส่วนที่อยู่บนหน้าผา และบริเวณด้านล่างของน้ำตกจะเป็นแอ่งน้ำและลำธารค่ะ สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่สำหรับฤดูฝนน้ำจะมากและไหลแรง มีความอันตรายสูง ทางเจ้าหน้าที่จึงไม่ให้เล่นน้ำตกในช่วงหน้าฝนค่ะ
น้ำตกเหวนรก
อีกที่ที่ต้องแวะเลยก็คือ น้ำตกเหวนรก ค่ะ น้ำตกสวยที่ทั้งสูง และ เสียว เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนเขาใหญ่ มีทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน ด้วยสายน้ำมหาศาลไหลตกลงกระทบแผ่นผาเบื้องล่าง ทำให้เกิดเสียงดังก้องไปทั้งหุบเขา มีไอน้ำกระจายปกคลุมรอบบริเวณดูลึกลับ ทำให้เป็นที่มาของชื่อ น้ำตกเหวนรก นั่นเองค่ะ
ก่อนกลับบ้านในวันนี้ ที่ต่อไปที่เราจะแวะกันก็คือ ไร่สตรอเบอร์รี่เขาใหญ่ และ ฟาร์มเห็ดพาโนรามา และ ทุ่งทานตะวัน ไร่พราวตะวัน ค่ะ เราลงจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แล้วไปเที่ยวกันต่อเลย!
ทุ่งทานตะวัน ไร่พราวตะวัน
ที่แรกที่พลาดไปไม่ได้ก็คือ ทุ่งทานตะวัน ไร่พราวตะวัน ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับ ทอสคาน่า วัลเล่ย์ เขาใหญ่ ค่ะ เป็นระหว่างทางไป วังน้ำเขียว ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เท่าไหร่ ขับรถไปชิลๆ ได้สบายมาก
ไร่พราวตะวันนี้ มีพื้นที่ถึง 70 ไร่ด้วยกัน และเต็มไปด้วย ดอกทานตะวัน ชูช่อย้อมทุ่งหญ้าสีเขียวให้เป็นสีเหลืองอร่ามไปทั่วบริเวณทีเดียวเชียวค่ะ แถมด้วยมีหมู่บ้านสวยๆ สไตล์อิตาลีของทอสคาน่า วัลเล่ย์ เขาใหญ่ เป็นแบล็คกราวน์อีกด้วย สวยอลังมากค่ะ
ไร่สตรอเบอร์รี่เขาใหญ่
ขับรถกลับไปทางปากช่อง แป๊ปเดียวก็มาถึง ไร่สตรอเบอร์รี่เขาใหญ่ ค่ะ แอบเดินไปดู สตรอเบอร์รี่กำลังออกลูกเลย ใครอยากซื้อสตรอเบอร์รี่แบบเกษตรอินทรีย์กลับบ้านไป ที่นี่ก็มีบริการอยู่ด้านหน้าค่ะ
ฟาร์มเห็ดพาโนรามา
จากไร่มาไม่ไกล ก็มาถึง ฟาร์มเห็ดพาโนรามา ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรของเขาใหญ่ ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่เที่ยวกันได้ทั้งครอบครัว เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้เรื่องการเพาะเห็ดแล้ว ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้ได้ทำร่วมกันอีกด้วย แถมมีมุมน่ารักให้ถ่ายรูปด้วยค่ะ
ทริป 2 วัน 1 คืนที่เขาใหญ่ในคราวนี้ ต้องขอบอกว่า ครบรส ทุกฟีล ทุกบรรยากาศจริงๆ ค่ะ ทั้งแอดเวนเจอร์ เจอช้างป่า เจอจระเข้ป่า แถมยังชิล กางเต็นท์ นอนริมน้ำ ได้ของฝากเป็นสตรอว์เบอร์รี่ และของอร่อยจากเห็ดกลับบ้านไปเพียบ ใครที่อยากมีความรู้สึกทั้งสนุก ทั้งชิล แบบเรา มาเที่ยวตามได้เลยนะคะ ไม่หวงค่ะ อยากให้ทุกคนได้มาเที่ยวเมืองไทยกันเยอะๆ ค่ะ
ข้อมูล อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นครราชสีมา
ที่อยู่ : กม.24 ถนนธนะรัชต์ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
พิกัด : https://g.page/khaoyai?share
เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น.
โทร : 08-6092-6529
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/KhaoYaiNationalPark1962
ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
นักท่องเที่ยวชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท / คน เด็ก 20 บาท / คน
นักท่องเที่ยวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท / คน เด็ก 200 บาท / คน
หากนำพาหนะเข้าอุทยาน ฯ เก็บค่าธรรมเนียมตามประเภทพาหนะ ดังนี้
รถจักรยาน 20 บาท / คัน
รถจักรยานยนต์ 30 บาท / คัน
รถยนต์ ( ไม่เกิน 4 ล้อ ) 50 บาท / คัน
รถบัสเล็ก ( ไม่เกิน 24 ที่นั่ง ) 100 บาท / คัน
รถบัสใหญ่ (24 ที่นั่งขึ้นไป ) 200 บาท / คัน
การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
1. โดยรถส่วนตัว
ถนนพหลโยธินผ่านรังสิตถึงสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนมิตรภาพผ่านมวกเหล็กและเลี้ยวขวาอีกครั้งหนึ่งตรงทางแยกก่อนถึงอำเภอปากช่องตรงกิโลเมตร ที่ 58 เข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ประมาณ 25 กิโลเมตร ถึงด่านตรวจจากนั้นเส้นทาง จะไต่ขึ้นเขาไปอีก 14 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ระยะทางรวมทั้งสิ้น 200 กิโลเมตร ถนนพหลโยธินผ่านรังสิต ผ่านหนองแค
เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 305 แล้วเปลี่ยนไปใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 (ถนนสุวรรณศร) ผ่านตัวเมืองนครนายกถึงสี่แยกเนินหอม หรือวงเวียนนเรศวร ก่อนเข้าตัวเมืองปราจีนบุรีเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวง
จังหวัดหมายเลข 3077 (ถนนปราจีนบุรี-เขาใหญ่) ถึงด่านตรวจเนินหอม ถนนเริ่มเข้าสู่ป่าและไต่ขึ้นที่สูง รวมระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ถนนพหลโยธิน เลี้ยวขวาบริเวณรังสิต เข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 305 มุ่งสู่ตัวเมืองนครนายก แล้วเปลี่ยนไปใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 (ถนนสุวรรณศร) ถึงสี่แยกเนินหอมหรือวงเวียนนเรศวร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนปราจีนบุรี-เขาใหญ่ รวมระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร
2. รถโดยสารประจำทาง
รถโดยสารประจำทาง เส้นทางที่ 1
ขึ้นรถโดยสารประจำทาง กรุงเทพฯ – นครราชสีมา หรือมาจากที่อื่น ให้ลงที่แยก เข้า อ.ปากช่อง (กรณีที่รถโดย สารไม่เข้า ตัว อ.ปากช่อง) จะมีรถโดยสารประจำทางจากปากช่องมาถึงที่ด่านตรวจ เก็บค่าธรรมเนียม เที่ยวแรก จากปากช่อง เวลา 06.00 น. และเที่ยวสุดท้าย เวลา 17.20 น. ซึ่งรถโดยสารประจำทาง จะออกรถ ทุกครึ่งชั่วโมง ค่าโดยสาร 15 บาท โดยจะหมดระยะที่แค่ด่านเก็บค่าธรรมเนียม แล้วโบกรถต่อขึ้นไปที่ ทำการอุทยานฯ
รถโดยสารประจำทาง เส้นทางที่ 2
ขึ้นโดยสารรถประจำทาง กรุงเทพฯ – ปราจีนบุรี มาลงที่แยกวงเวียนนเรศวร (แยกเข้า จ.ปราจีนบุรี) ยืนรอโบกรถ หรือเหมารถมอเตอร์ไซด์ ที่แยกนี้ ลงที่ด่านเนินหอม (ด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานฯ) แล้วโบกรถต่อขึ้นอุทยานฯ
3.โดยรถไฟ
ขึ้นรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ลงที่สถานี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แล้วต่อรถสองแถวที่ตลาด อำเภอปากช่อง-อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ลงที่ด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานฯ แล้วโบกรถต่อขึ้นไปที่ทำการอุทยานฯ
cr.https://travel.trueid.net/detail/XmqNgow3DxX